บทที่ 3 (2)
"ที่เรือนทับทิม มีอะไรต้องแก้ไขเพิ่มเติมอีกบ้างไหม?"
คุณธันวาเปลี่ยนหัวข้อสนทนา ที่ต่างรับรู้กันอยู่เงียบ ๆ ว่าน่าอึดอัด ..แต่ไม่ว่าจะอย่างไร.. ก็คงไม่มีทางเลี่ยงความจริง นี้กันไปได้
เหมันต์ ..อดไม่ได้.. ที่จะแว่บสายตาไปมองมือขาวนวล อ่อนบางที่ยังสามารถตักอาหารเข้าปากได้อย่างปกติ .. อาการ นิ่งเฉยราวกับเรื่องที่กำลังคุยกันอยู่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเธอ เลยแม้สักนิด
"ไม่มีปัญหาครับ เมื่อบ่าย ๆ .. ผมแวะเข้าไปดูรอบหนึ่ง แล้ว กำแพงไม่มีร้าว หลังคาไม่มีรอยน้ำหยด แปลว่าหลังคากับ การปูพื้นของเรายังได้มาตราฐานตามที่คาดไว้ครับ"
เสียงทุ้มนุ่มรายงาน
"คืนนี้ผมจะตรวจแบบแปลนอีกครั้ง แล้วพรุ่งนี้เช้า จึงจะ ส่งแบบร่างการตกแต่งภายในที่ออกแบบไว้คร่าว ๆ ส่งไปให้ ทีมคุณลุงเกลาแบบแปลนมาให้ใหม่ จากนั้น..ก็คงเริ่มลงมือกัน ได้เลย"
เหลือบตามองคนตรงข้าม .. สาวน้อยวางช้อน เพราะ เพียงแค่คนเป็นพี่ชายขยับผ้าเช็ดริมฝีปาก .. บ่งบอกอาการว่า 'อิ่มแล้ว' คนเป็นน้องก็ขยับลุก ... เดินไปปรุงกาแฟ สักเดี๋ยวก็ เดินกลับมาส่งแก้วสีคล้ำหอมกรุ่น ... เลื่อนให้
อีกครั้งที่คุณธันวากับคุณยมนา .. ลอบมองสบตากันอยู่ เงียบ ๆ
... เสียดาย ...
"แล้ว..หมู่นี้ ทำไมนายการันต์เขาไม่ค่อยแวะมาบ้างเลย คะ? คุณน้ำได้แอบไปแผลงฤทธิ์อะไรเงียบ ๆ ใส่เขาอยู่หรือ เปล่า"
บิดาหันมาไถ่ถามหลังจากเพิ่งจะนึกได้ว่า .. ว่าที่เจ้าบ่าว ของลูกสาว..หายหน้าหายตาไปนานจะเกือบเดือนแล้วสินี่ และ โดยที่ไม่วายจะเดาทางดักคอ เพราะย่อมรู้อิทธิฤทธิ์บุตรสาว ได้ดีอยู่
สายธาร .. แม้บางครั้งจะชอบทำตัวงอแงราวเป็นเด็ก ๆ ที่มักจะถูกเลี้ยงดูกันอย่างตามใจ โวยวาย แง่งอน..ยามโกรธ กรุ่น แต่ก็ยังไม่เคยดูน่ากลัวเท่ากับ .. ยามที่บุตรสาวทำท่าสงบ เฉยเมย ไม่ใส่ใจ เพราะท่าทีเช่นนี้ช่างเดาใจได้ยากยิ่ง
พอ ๆ กันกับพี่ชายของเธออีกนั่นแหละ
"คุณน้ำไม่ค่อยว่างต้อนรับค่ะ .. เพราะต้องเตรียมตัว อ่านหนังสือสอบเทอมสุดท้ายหนักมาก เลยบอกเขาว่าไม่ต้อง แวะมาบ่อย ๆ ค่ะ .. เพราะถึงมาหา .. คุณน้ำเองก็ไม่เคยว่าง จะมาคุยด้วย"
คุณธันวาถึงกับอ้าปากร้อง 'อ้าว?' หลังจากที่บุตรสาว ตอบกลับมาเสียงเรียบ ๆ ราวกับกำลังรายงานเรื่อง..ต้นผักกาด ในกระถางที่เธอปลูกไว้ส่งเป็นการบ้าน เมื่อสมัยยามยังเป็นแค่ เด็กนักเรียนมัธยมต้น
"แล้วกันสิ งั้น..ก่อนส่งแบบก็โทรฯเรียกมาก็แล้วกัน"
สรุปให้
"หมอนั่นเขาร้องจะเอาเรือนหอใหม่ .. แต่ก็อย่างว่าล่ะ .. อยู่บ้านไม้ทรงไทยเก่า ๆ แบบเรา คนหัวสมัยใหม่จบจากนอก แบบเขามันไม่คุ้นไม่ชิน ..วันนี้พี่เขามาแล้ว พรุ่งนี้เช้าถ้าเจ้านั่น ว่างก็เรียกให้เขาเข้ามาดูเถอะ เผื่ออาจจะอยากเพิ่มเติมเปลี่ยน แปลงอะไรอีก"
"คงไม่ต้องแล้วล่ะค่ะคุณพ่อ เรียกมาเดี๋ยวก็ขอเปลี่ยน นั้น ร้องขอเพิ่มนี่ .. จนคุณน้ำรู้สึกว่าจะน่ารำคราญแล้วค่ะ"
ถ้อยเจรจาแม้จะดูไม่พอใจ แต่สีหน้าใสกับน้ำเสียงก็ยัง คงเฉยเมยเช่นเคย
"ปลูกเรือน ... ต้องตามใจผู้อยู่สิคะคุณน้ำ"
น้ำเสียงบิดาแลดูจะทอดถอนใจอ่อนเบา..แต่ยาวเหยียด
"แม้มันจะดูเป็นเรือนที่เราไม่อยากอยู่..แต่หากมันจำเป็น ที่เราจะต้องอยู่..จะผุจะพังยังไง เราก็ต้องหมั่นต่อเติมซ่อมแซม บำรุงรักษาให้มันคงอยู่ในแบบที่มั่นคงที่สุด ..พอใจที่สุด..ให้ได้ เพราะอย่างไรเสีย ..มันก็คือเรือนของเรา ที่เราจะต้องอยู่.."
"แรกเริ่มต้น คุณน้ำอาจจะพบว่ามันช่างดูทุกข์ดูยากไป บ้าง แต่ถ้าหากเราหมั่นซ่อม หมั่นเติม บางทีสุดท้าย .. คุณน้ำ อาจจะพบก็ได้ค่ะว่า เจ้าเรือนนี้มันช่างเป็นเรือนที่น่าอยู่ .. และ เหมาะที่จะอยู่อาศัยด้วยที่สุด..ก็เป็นได้"
พร่ำสอน...และแลดูราวกับจะปลอบโยนบุตรีอยู่ในที
คุณยมนาที่นั่งฟังการสนทนาอยู่เงียบ ๆ เริ่มหน้าเหยเก อีกครั้ง
"การันต์เขาเป็นคนดีนะลูก แม้จะดูว่าท่าทางหุนหัน และ ก็ใจร้อนไปบ้าง...หัวสมัยใหม่ไปบ้าง"
น้ำเสียงอ่อนเบาของผู้เป็นมารดาไม่รู้จะปลอบใจลูกสาว อย่างไรดี .. แต่ยิ่งปลอบก็ดูเหมือนจะยิ่งแย่ .. แม้จะพยายาม
"ฐานะ ความรู้ หน้าที่การงานของเขาก็มั่นคงเหมาะสม กับคุณน้ำดีแล้วนะคะ"
ยิ่งพูดอีกก็ยิ่งแย่หนักเข้าไปอีก จนหญิงสูงวัยชักสับสน
..แม้มันจะเป็นไปตามนั้นจริง ๆ หากแต่อะไรบางอย่างก็ ยังจะทำให้คุณยมนารู้สึกเกรงใจสามีและชายหนุ่มอ่อนวัย ที่ ตนเองรับอุ้มชูเลี้ยงดูกันมาอีกผู้หนึ่งอยู่ลึก ๆ มิได้
แม้จะเดาใจหนุ่มน้อยเคร่งขรึมผู้นั้นมิได้มาก เฉกเช่นผู้ เป็นสามีรู้สึก หากแต่กิริยาอ่อนน้อม อ่อนโยน ความสุขุมมั่นคง ที่แสดงออก ก็อดทำให้ต้องรักษาน้ำใจกันบ้าง ดังนั้น..เมื่อหลุด ปากพูดอะไรไป จึงทำให้หวั่นใจว่าจะไปกระทบความรู้สึกของ ใครเขาเข้า
"ค่ะ"
นานเท่านาน บุตรสาวจึงจะตอบรับคำมารดา
"พรุ่งนี้ ..คุณน้ำมีเรียนแต่เช้าเลย.. รายงานก็ยังไม่เสร็จ ขออนุญาตไม่รับของหวาน ..ขอตัวออกไปจัดการรายงานก่อน ได้ไหมคะ?"
เสียงใส ๆ ร่าเริงเอ่ยราวกับจะกลบรอยอึดอัดใจของผู้ เป็นมารดาและบิดา โดยไม่รอคำอนุญาต หน้าใส ๆ ก้มลงหอม แก้มมารดาที่อยู่ใกล้ก่อนยื่นหน้าไปแตะแก้มผู้เป็นบิดา ซึ่งเป็น กิริยาอบอุ่น ที่มักกระทำอยู่เป็นประจำของครอบครัวนี้
คำชี้แจงจากใจนักเขียน
เนื่องจากนิยายเรื่องนี้ มีกลิ่นไอที่นักอ่านตัวยงบางท่านอาจตะหงิดใจสงสัย
ซึ่งในความเป็นจริง 'ไรต้ามือใหม่มาก' ...จะว่าไป ก็ไม่อาจเอ่ยได้ไม่เต็มปาก มิกล้าเปรียบเทียบอะไรเลย ... แต่เพื่อกันความสงสัยแคลงใจในภายหลังจึงขอแจ้งและแจงให้ทราบว่า
ซึ่งในความเป็นจริง 'ไรต้ามือใหม่มาก' ...จะว่าไป ก็ไม่อาจเอ่ยได้ไม่เต็มปาก มิกล้าเปรียบเทียบอะไรเลย ... แต่เพื่อกันความสงสัยแคลงใจในภายหลังจึงขอแจ้งและแจงให้ทราบว่า
นิยายเรื่อง 'น้องน้อยที่รัก' เรื่องนี้
ไรต้าได้รับแรงบันดาลใจมาจากนิยายเล่มโปรดมาก ๆ เล่มหนึ่ง
ไรต้าได้รับแรงบันดาลใจมาจากนิยายเล่มโปรดมาก ๆ เล่มหนึ่ง
ซึ่งนิยายเล่มรักเรื่องนั้นคือ ...
... 'พี่เลี้ยง' ... ของท่านนักเขียน ... 'ทมยันตี' ...
บุคคลที่ไรต้ายืดถึงเป็นต้นแบบ เป็นแรงบันดาลใจ และเป็นแบบอย่างที่ดี ที่ไรต้าจะสามารถก้าวตามท่านได้..ในเส้นทางนักแต่งนิยายที่รักความสงบสุขผู้หนึ่งก็เท่านั้น
ดังนั้น ... เจตนาที่ตั้งใจแต่งนิยายเรื่องนี้
ก็มิได้มุ่งหวังหรือเจตนาไม่ดีใด ๆ ทั้งสิ้นทั้งปวง
ก็มิได้มุ่งหวังหรือเจตนาไม่ดีใด ๆ ทั้งสิ้นทั้งปวง
ไรต้าเพียงแค่อยากเก็บกลิ่นไอนิยายที่ตนรัก .. มาไว้ในรูปแบบที่ตนจินตนาการของตนเองเท่านั้นเองค่ะ
... หวังว่านักอ่านจะเข้าใจ ...
แตะรับ Link เพื่อโหลดเล่มเต็มได้ที่รูปภาพของแต่ละเรื่องนะคะ สู้ๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น